“ชาดา” ยัน ลูกเขยลาออกนายกเทศมนตรีแล้ว ลั่น เป็นคนใกล้ชิดยิ่งต้องแสดงสปิริต
“ชาดา” ยัน ลูกเขยลาออกนายกเทศมนตรีแล้ว ลั่น เป็นคนใกล้ชิดยิ่งต้องแสดงสปิริต

“ลูกเขยชาดา” ลาออกนายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่แล้ว 5 ทุ่มที่ผ่านมา รมช.มหาดไทย กร้าว เป็นคนใกล้ชิดยิ่งต้องแสดงสปิริตกว่าคนอื่น แต่ในฐานะพ่อรักครอบครัวและลูกทุกคน พ้อ จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ทำอย่างไร

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร มีวาระพิจารณาศึกษามาตรการจัดระเบียบสังคมและการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเชิญ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง มาให้ข้อมูลต่อ กมธ. ซึ่งบรรยากาศการประชุม ผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทยทยอยเข้ามาร่วมประชุมตามนัดหมาย โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากก็มารอเพื่อติดตามประเด็นที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) จับกุม นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยของ นายชาดา กรณีเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล 2 โครงการ รวม 600,000 บาท

นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธาน กมธ.ปกครอง สภาฯ กล่าวกับสื่อก่อนเข้าประชุม ว่า นายชาดา ตอบรับการเข้าร่วมประชุมก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่บุกรวบลูกเขยของนายชาดา โดยรับปากว่าจะเข้ามาให้ข้อมูลในส่วนของการดำเนินงานภายในกระทรวงมหาดไทยด้วยตนเอง แต่หลังเกิดเหตุดังกล่าวตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อขอคำยืนยันว่าจะยังเข้าร่วมประชุมอยู่หรือไม่ แต่นายชาดาไม่รับสายตลอดช่วงเช้า ซึ่งตนได้พยายามติดต่ออยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายติดต่อได้ ซึ่งนายชาดาแจ้งว่าติดภารกิจ ไม่สามารถเข้าประชุมได้

ในเวลาต่อมาช่วง 10.15 น. นายกรวีร์ แจ้งต่อที่ประชุมว่านายชาดาติดภารกิจในช่วงเช้า ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แต่หากภารกิจเสร็จสิ้น และการประชุม กมธ. ยังไม่จบ ก็อาจจะมาเข้าร่วมประชุมด้วย กระทั่งเวลา 11.30 น. นายชาดา พร้อมคณะ เดินทางมาเข้าชี้แจงต่อ กมธ. โดยกล่าวสั้นๆ ก่อนเข้าห้องประชุมว่า ขอเวลาชี้แจงต่อ กมธ.ปกครอง ก่อน แล้วค่อยออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

จากนั้น ภายหลังการประชุม นายชาดา ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า มีการชี้แจงลักษณะของผู้มีอิทธิพลในที่ประชุม กมธ.ปกครอง ซึ่งแจงไปหลายครั้งแล้ว โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการจับกุมลูกเขย จะเกิดความลำบากใจในการทำงานหรือไม่ นายชาดา ได้ย้อนถามว่า ถามตนในฐานะอะไร ผู้สื่อข่าวจึงระบุว่าในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยนายชาดา ตอบว่า เคยพูดแล้วว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองก่อน และได้โทรศัพท์คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ว่ากรณีเช่นนี้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ได้เลยหรือไม่ เพราะกรณีคล้ายคลึงกันที่ผ่านมา ผู้ใหญ่โทรศัพท์หาตน ซึ่งตนได้ติดต่อไปหา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าให้พักปฏิบัติหน้าที่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีแจ้งว่ากำลังดูข้อกฎหมาย แต่มองว่าอย่างไรก็ต้องพัก 

นายชาดา พูดเสียงเข้มขึ้นว่า "จำไว้นะครับ ฟังดีๆ นะครับ ใช้สมองคิด การพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ เอารองนายก ของทีมนั้นขึ้นมารักษาการแทน ท้องถิ่นแห่งนั้นก็อยู่แบบซังกะตาย จนกว่าจะครบวาระ ถ้าผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงสมัยได้ คดีหลุด ก็มาเป็นต่อ หมดวาระก็เลิกไป แต่บางคนก็สู้คดีจนหมดวาระ เมื่อวานนี้ลูกเขยผมได้รับการประกันตัว ผมก็คุยกับลูกเขยผม ลูกเขยผมเจอก็ขอโทษครับ ผมบอกไม่ต้องพูดอะไร เราครอบครัวเดียวกัน แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง ถ้าไม่ทำแบบนี้ การรอพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีเสร็จ เป็นการเอาเปรียบ และปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในตำบลตลุกดู่"

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุต่อไปว่า หากลาออกจากนายกเทศมนตรี มีการจัดเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงว่ากันไปตามระบบ นี่ถือว่าเป็นมาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น ซึ่ง นายวีระชาติ ผู้เป็นลูกเขย ได้ลาออกจากนายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนไปเลือกตั้งใหม่ ไม่ใช่รอคดีสิ้นสุด คนที่ไปจับกุมก็จะเสียความรู้สึกว่าวันนี้จับ แต่พรุ่งนี้ไปเป็นนายกเทศมนตรีต่อ 

ทั้งนี้ ในคดีอื่นๆ ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รรท.ผบก.ทล.) และผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบ.ปปป.) โทรศัพท์หาตนว่าต้องมีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนก็รับทราบ ส่วนคดีนี้ตนมองการพักปฏิบัติหน้าที่เป็นการถ่วงความเจริญ และไม่มีสปิริตทางการเมือง เอาเปรียบประชาชนพื้นที่ นี่จึงเป็นสิ่งที่ตนทำในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกทั้งในฐานะคนใกล้ชิด ยิ่งต้องแสดงสปิริตกว่าคนอื่น 

"จับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ผมทำไงครับ (หัวเราะ) ด้วยความเคารพจริงๆ ครอบครัวผมไม่มีปัญหาอะไร ในฐานะพ่อผมต้องโอบกอดลูกผมทุกคนด้วยความรัก ด้วยความอบอุ่น แล้วก็เดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ครอบครัวผมรักกัน แล้วผลก็ทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอร้องอย่างหนึ่งว่า ด่าผมด่าไป คุณมีสิทธิ์ด่านายชาดา แล้วแต่มุมมองของคุณ แต่วันหนึ่งคุณจะเสียใจที่ด่าผม แค่นั้นแหละ แต่อย่าเอารูปลูกหลานผมมาออก มันจะเกิดสงครามโซเชียล ผมหาอวตารไม่เจอ ผมก็เอาคนที่อยู่เบื้องหน้า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นประเทศนี้จะเกิดอะไรขึ้น"

ก่อนทิ้งท้ายว่า วันนี้คนไทยต้องรักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าวันนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีก็ปวดหัวทุกวันเรื่องอิสราเอล ไม่ใช่มาด่ากันอยู่ในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่ไม่สร้างสรรค์ จากนั้นนายชาดา เดินออกจากวงสัมภาษณ์ โดยไม่ตอบคำถามอื่นใดของสื่อมวลชนอีก โดยบอกสั้นๆ เพียงว่า พอแล้วตามสมควร.

ขอขอบคุณข่าว จาก www.thairath.co.th

JEPATA.COM

ติดต่อโฆษณา

097-126-1282

065-964-0535